ถ้าไม่มีเรื่องการเมืองที่เป็นปัญหามานานหลายปีนับว่าประเทศไทยน่าเที่ยวที่สุดในภูมภาคนี้เลยที่เดี่ยวและจากการจัดอันดับของเว็บไซด์ชื่อดัง
Trip
Advisor ในปีนี้ ในหัวข้อดรรชนีการเที่ยวสงกรานต์ (Tripadvisor's
TripIndex Songkran 2014) กรุงเทพมหานครติดอันดับหนึ่งของเมืองน่าเที่ยวสงกรานต์มากที่สุดในประเทศไทย
(The MOst Affordable Destination to Celebrate Songkran Festival in
Thailand)
โฆษกของเว็บไซด์จัดอันดับการท่องเที่ยวชื่อดังเปิดเผยว่า
ดรรชนีการเที่ยวสงกรานต์ที่มีการจัดขึ้นในปีนี้ถือเป็นการจัดอันดับปีแรก
โดยการเปรียบเทียบการใช้จ่ายในสี่เมืองใหญ่ที่ได้รับความนิยมในการเที่ยวสงกรานต์มากที่สุด
ได้แก่ กรุงเทพ เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต โดยการจัดเก็บข้อมูลนั้นมีขึ้นในช่วง 25 มีนาคม ถึง 2 เมษายน
ด้วยการรวบรวมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวหนึ่งท่านในการค้างคืนในโรงแรมระดับ
สี่ถึงสี่ดาวครึ่ง และการรับประทานอาหารมื้อหลัก
ซึ่งได้แก่ผัดไทยหนึ่งจานกับเบียนร์ที่ผลิตในประเทศไทยหนึ่งขวด ปืนฉีดน้ำหนึ่งกระบอก
ถังน้ำหนึ่งใบ ค่าแท็กซี่ที่ใช้เดินทางในระยะ 10 กิโลเมตร
และ ค่านวดเท้าหนึ่งชั่วโมง
 |
| ภาพจาก Google |
เป็นที่น่าประหลาดใจว่ากรุงเทพมหานครมีค่าใช้จ่ายในช่วงสงกรานต์ที่จัดเก็บได้นั้นราคาที่ถูกที่สุด
นั่นคือ 3358 บาท ตามมาด้วยพัทยาที่ 3809 เชียงใหม่ 4390 และภูเก็ตที่ 5154
โดยเว็บไซด์แห่งนี้ชี้ว่าปัจจัยที่สำคัญในการทำให้ค่าใช้จ่ายสูงนั้นอยู่ที่ค่าที่พักและค่าอาหาร
เพราะกรุงเทพนั้นมีราคาค่าห้องของโรงแรมสี่ถึงสี่ดาวครึ่งอยู่ที่ 2684 บาทโดยเฉลี่ย ขณะที่ภูเก็ตนั้นราคาอยู่ที่ 4439 บาท
ส่วนราคาอาหารนั้นที่กรุงเทพฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 77?บาท
แต่ภูเก็ตอยู่ที่ 177?บาท
สำหรับในมุมมองของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนั้น
เทศกาลสงกรานต์นั้นเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนเมืองไทย
เพราะเป็นที่รู้จักทั้งในประเทศและต่างประเทศ
งานวิจัยของการท่องเที่ยวนี้เองชี้ว่าสำหรับชาวไทยแล้ว
พัทยาเป็นเมืองที่น่าเที่ยวสงกรานต์ที่สุด ตามมาด้วยถนนข้าวสารที่กรุงเทพฯ
และย่านเมืองเก่าของเชียงใหม่ งานวิจัยดังกล่าวของ ททท. นี้ทำขึ้นในช่วงวันที่ 1 ถึง 8? มีนาคม กับประชากร 1800 คนที่อาศัยในกรุงเทพฯ กาญจนบุรี ชลบุรี ขอนแก่น เชียงใหม่และสงขลา
ทั้งนี้เมื่อดูปฏิทินแล้ว
งานเทศกาลในประเทศไทยนั้นไม่ดีเพียงแค่ในช่วงวันหยุดราการ 13 ถึง 15 เมษาเท่านั้น
อย่างในกรณีหนองคายนั้นเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 6 เมษา จนถึง 18 เมษา สุโขทัยเริ่มตั้งแต่ 7 ถึง 19 เชียงใหม่และชลบุรี เริ่มตั้งแต่ ๑๑ ถึง ๑๙ อุดรธานี เริ่มวันที่ ๑๒ ถึง
๑๖ นครพนม ๑๒ ถึง ๑๕ สุพรรณบุรีและนครศรีธรรมราช ๑๒ ถึง ๑๔ น่านและอุตรดิตถ์ ๑๒
ถึง ๑๖ กรุงเทพและอยุธยา ๑๓ ถึง ๑๕ กาญจนบุรี ๑๓ ถึง ๑๘ และ สมุทรปราการ ๑๘ ถึง ๒๐
เมษายน
ในกรณีของกรุงเทพนั้น ททท
ระบุว่าจะมีการจัดกิจกรรมสงกรานต์ใน ๕ บริเวณ ได้แก่ สงกรานต์วิสุทธกษัตริย์
บางลำพูโดยเฉพาะสวนสันติไชยปราการ ลานคนเมืองหน้าที่ว่าการกทม. ถนนน้าวสาร และ
ถนนสีลม
ส่วนสถิติปีที่ผ่านมานั้น ททท
เปิดเผยว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาในช่วงเทศกาลนี้ถึง ๒ล้านหนึ่งหมื่นสามพันสิบสองคน
ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเมื่อสองปีที่แล้วถึงร้อยละ ๑๙.๒
และนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสงกรานต์ในเมืองไทยนั้นมาจากจีนมากที่สุด
รองลงมาตามลำดับคือ มาเลย์เซีย รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย อินเดีย
สหราชอาณาจักร เวียตนาม และ ลาว
